วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

12 พระเอกหนังจีนในดวงใจ

อันดับ 1 จางเหว่ยเจี้ยน (Dicky Cheung)



ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆซักคำให้ลึกซึ้ง ~โว้~โว~

ที่หนึ่งในดวงใจ เฮียแกน่ารักโฮรกอ่ะ >/////< ตอนเด็กๆนั่งดูไซอิ๋วแล้วรู้สึกอยากแต่งงานกับลิงตัวนี้จริงๆ 5555+ ปกติแล้วซินจะชอบพระเอกหนังจีนมาดเท่ห์ โง่เซ่อ แบบพี่คิมฮวง >/////< แต่เฮียจางเหว่ยนี่กินขาดจริงๆ แม้จะไม่หล่อบาดใจเหมือนคุณเจียว แต่ความอารมณ์ดีก็ทำให้สาวๆละลายได้เหมือนกานน

ถ้านึกถึงไซอิ๋วยังไงก็ต้องนึกถึงจางเหว่ยเจี้ยนอยู่แล้ว เพราะบุคลิกที่ดูทะเล้นและน่ารักสไตล์ลิงๆของเฮียแกแล้ว ทำให้จางเหว่ยเจี้ยนได้ชื่อว่าเป็นไซอิ๋วที่ดีที่สุดที่ยังไม่มี ใึครโค่นแชมป์ได้ ~ ~



เฮียจางเหว่ยเกิดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1965 ตอนนี้อายุก็ปาไป 44 ปีแล้ว เกิดปีมะเส็งปีเดียวกะซินเลย >///< (อ๊ะโห ห่างกันกี่รอบเนี่ย?) แถมกรุ๊ปเลือด O เหมือนกันด้วยอ่ะ ^////^

เกิดที่ฮ่องกง แต่สืบเชื้อสายเซียงไฮ้แผ่นดินใหญ่ นับถือศาสนาคริสต์ (โรมัน คาทอลิก)

ผลงานการแสดงนอกจากไซอิ๋วแล้วก็มีอีกเยอะแยะมากมาย จะพยายามยกมาแต่เรื่องที่คุ้นๆหูกัน เช่น เอไกหว่า,คู่แฝดเซียวฮื่อยี้พิชิตมาร,จอมยุทธกำมะลอ,จอมใจจอมทะเล้น,ไทเก็กจางซางฟง,อุ้ยเซี่ยวป้อ ฯลฯ มีอีกแหละ แต่นึกไม่ออก + ขี้เกียจหาแล้ว 555+ ยังเหลืออีกตั้งหลายอันดับ O[]O





2. เจียวเอินจวิ้น (Vincent Chiao)



ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้ สวยไม่บันยะบันยัง =[]= หน้าเรียว ตาสวย จมูกโด่ง โอ๊ยยยย หวั่นไหวอร๊าาาา >[]<

ติดตามผลงานของคุณเจียวครั้งแรกก็คงเป็นเปาบุ้นจิ้น แต่ตอนนั้นไม่ได้บ้าคุณเจียวแต่บ้าคุณซุนแสนซึนแทน 555+



แต่พอได้มาดูฤทธิ์มีดสั้นแล้ว โฮรกกกกกก ถวายหัวใจให้เลยค่ะ พี่คิมฮวงขราแม้จะไม่ได้ครองคู่กะซีอิม แต่อิซินก็ยังรอพี่อยู่น้าคร้าาา

เรื่องนี้ดูแล้วหงุดหงิดใจ พระเอกกรูจะโง่วไปถึงไหนวะ คุณชายที่แสนดีแต่ชีวิตรันทดหดหู่โคด =[]=



คุณเจียวเกิดวันที่ 7 พฤศจิกายน 1967 ปีมะแม ตอนนี้ก็ 42 แล้ว แต่ทำไมยังสวยได้ขนาดนี้ล่ะค๊าาาาาา

เลือดกรุ๊ป O เหมือนซินอีกละ คนหน้าตาดีมักจะเลือดกรุ๊บนี้สินะ *กล้าพูดดด* ตอนนี้คุณเีจียวมีภรรยาแล้วและมีัลูกสองคน (เรื่องมันเศร้าจริงๆ T[]T)



3.เฉินหลง (Jackie Chan)



ไม่หล่อแต่ดูบ่อยค่ะคนนี้ ~ ~

ในบรรดาทั้ง 12 คนที่กล่าวมานี้ ซินดูหนังของเฮียเฉินเยอะมากๆๆๆเลย เพราะส่วนมากหนังเฮียเฉินจะเป็นหนังใหญ่ เลยหาดูง่าย ร้านเช่าหนังก็มีเยอะแยะ ดูตั้งแต่รุ่นไอ้หนุ่มมัดเมา ยัน วิ่งกระเตงฟัด (นี่คือเรื่องล่าสุดที่ได้ดู ส่วน Rush Hour 3  กับ The Forbidden Kingdom ยังไม่ได้ดูเลย T[]T)

ชอบเฮียเฉินตรงที่การแสดงล้่วนๆเลย *แหงสิ* เป็นผู้ชายหน้าตาใจดี ชอบเล่นเป็นตำรวจ ต่อยตีเก่ง แล้วก็ไวปานวอก (ปัจจุบันนอกใจเฮียเฉินไปชอบพี่จาแทนแล้ว เพราะพี่จาหล่อกว่า กร๊ากก)



เฮียเฉินเกิดวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 1954 ตอนนี้ก็เป็นคุณลุงเฉินไปแล้ว (เพราะแก่กว่าพ่อกรูอีก) คุณลุงเฉินเนี่ย เคยแต่งงานมาแล้วครั้งนึง มีลูกด้วยคนนึง แต่ปัจจุบันเค้าบอกว่าคุณลุงเฉินไปทำสาวท้องแล้วก็มีลูกลับๆอีกหนึ่งคน

เฮียเฉินแจ้งเกิดในเรื่องไอ้หนุ่มพันมือ แต่เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียในเรื่องไอ้หนุ่มมัดเมา ไอ้หนุ่มพันมือจำไม่ได้ว่าเคยดูหรือเปล่า แต่ไอ้หนุ่มมัดเมาอ่ะเคยดู



4. หลิวเต๋อหัว (Andy lau) แอนดี้ ลาว (เมื่อก่อนอ่านแบบนี้จริงๆ)



1 ในสี่จตุรเทพของจีน ที่ยังคงความเป็นเทพไว้ตลอดกาล

ถ้านึกถึงพี่หลิวก็ต้องนึกถึงเด็กแว้น มอไซต์คันใหญ่ๆ แล้วก็ชื่อเรื่องที่ติดตาตรึงใจมาจนทุกวันนี้

ใช่แล้น ~ ~  ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ แตะ แตะ...

ตอนเด็กๆโคดจะคลั่งอยากจะแปลงร่างเป็นสก้อยเกิลไปขี่แว้นหลิวซะจริงๆ 555+ >[]<

ภาพติดตาติดใจก็ต้องเป็นภาพพี่หลิวแว้นมอไซต์อยู่แล้ว มอไซต์คุณพี่แกอย่างเท่ห์อ่ะ



แต่ถ้าเป็นซิน ซินจะคิดถึงพี่แกในมังกรหยกซะมากกว่า (ก็เรามันชอบหนังจีนกำลังภายใน ฮัดช่า! อะไรแบบนั้น)



แม้หน้าตาจะละอ่อนไปซะหน่อย เพราะปีที่พี่หลิวเล่นนั่นก็เพิ่งจะ ปี1983 เท่านั้นเอง กรูยังไม่เกิดเลย

แต่ว่าก็เท่ห์กินใจคอหนังจีนจริงๆ เวลานึกถึงเอี้ยก้วย ก็จะนึกถึงพี่หลิวนี่แหละ แถมแม่นางเล่งนึ่งคนนี้ก็สวยบาดใจซะจริงๆ ซีซีชิดซ้ายไปเลย (ชอบนางเอกคนนี้มากเลยนะ รู้สึกจะชื่อเฉินอวี้เหลียน)

ส่วนเื่รื่องที่ประทับใจมากๆๆๆๆของซินก็คงจะเป็น "ใช่เลย! รักเธอเต็มเอ๋อ" กับ "คู่ตุ้ยนุ้ยพิสดารมหัศจรรย์"



สองเรื่องนี้นางเอกคนเดียวกัน Needing you พี่หลิวน่ารักมากๆเลย เล่นเป็นหนุ่มที่ดูมึนๆนิดหน่อย แต่ก็น่ารักสุดๆเลย แถมยังมีฉากที่คุณพระรองขี่มอไซต์มาโฉบเอานางเอกไปอีก แถมตัวพี่หลิวในเรื่องก็ขี่มอไซต์ไม่เป็นซะด้วยสิ 555+และที่สำคัญนางเอกเรื่องนี้โมเอะโคด!!!!

ส่วน Love on a Diet กว่าพี่หลิวจะผอมก็ล่อไปฉากสุดท้าย แต่ฉากเปิดตัวพี่หลิวผอมนี่ เอาใจคนดูไปเลย เท่ห์โคดๆๆๆๆ ซินเป็นนางเอกคงถวายหัวใจแถมม้ามกับปอดให้ไปแล้วล่ะ ~ ~

อ้อเห็นเอ๊าะๆแบบนี้พี่หลิวของเราก็จะ 50 แล้วนะ พี่แกเกิดวันที่ 27 กันยา 1961 ~ ~ อีกนิดนึง เพลงของพี่หลิวเพราะสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟันธง!!!



5. หลินจื้ออิง (JIMMY LIN)



กรี๊ดดดดดดดดดดดด พี่หลินน่ารักสุดๆๆๆๆๆๆๆๆอ่ะ >//////< ยิ้มทีใจเต้นแล้วเต้นอีก (ไม่เต้นก็ตายสิวะ!!!)

พี่หลินนี่ก็เลือดกรุ๊บ O อีกแล้วล่ะค๊า เห็นมั้ยคนหน้าตาดีมักจะเลือดกรุ๊บ O *ยังไม่เลิก* พี่หลินเกิดวันที่ 15 ตุลาคม 1974 เกิดปีเอ๊ยเดือนเดียวกะซินด้วยอ่า ~ ~

พี่หลินนี่รู้จักมานานมากแล้ว แต่ละครเรื่่องแรกที่ดูก็เป็นเดชเซียวฮื่อยี้ที่เล่นกับซูโหย่วเผิง ส่วนภาคสองไม่เคยดูพี่หลินเล่นกับพี่เต๊ะ ศตวรรษ



ผลงานของพี่หลินก็มีเดชเซียวฮื่อยี้ ภาค 1 และภาค 2,เล็กเซียวหงส์,เห้งเจีย....จอมอิทธิฤทธิ์,อภินิหารโคมวิเศษ,แปดเทพอสูร มังกรฟ้า แล้วก็ภาพยนตร์เรื่อง อั้งยี่ ลูกผู้ชายพันธุ์มังกร แสดงคู่กับ อำพล ลำพูน





6. เหอเจียจิ้ง (Kenny Ho)



ถ้าหลุดไปอยู่ยุคนู้นได้ กรูจะไปตีกลองที่ศาลไคฟงมันทุกวันเลย จะแจ้งความว่าโดนพี่จั่นขโมยหัวใจอ่ะ 555+ (เมื่อก่อนซินมีเสื้อสกรีนเป็นรูปเฮียแกใส่ชุดจั่นเจาด้วยนะ ใส่นอนมันทุกคืนจนสกรีนลอก)

ยังจำกันได้มั้ยโฆษณายูโร่คัสตาร์ดเค้กอ่ะ ที่เฮียเหอเก็บลูกโป่งให้เด็กอ้ะ อยากจะบอกว่าพีคโคดดดด ยิ้มทีแตกเป็นเสี่ยงๆกันเลยทีเดียว เสียดายหาดูไม่ได้แล้วตอนนี้ T[]T

 

เฮียเหอเกิดวันที่ 29 ธันวาคม 1959 ปีนี้ก็ 50 พอดิบพอดี ~ ~

สำหรับแฟนๆของเฮียเหอก็คงดีใจกันถ้วนหน้า เพราะเฮียเหอจะแสดงหนังเรื่อง ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 2 ที่กำลังถ่ายในประเทศไทยอยู่ขณะนี้ ซึ่งมีกำหนดจะออกฉายในปลายปี พ.ศ. 2552 โดยรับบทเป็น บ่เมี้ย หรือ บุรุษนิรนามชุดดำ



7. หลี่ เหลียนเจี๋ย (Jet Li)



เฮียหลี่สุดเท่ห์ >/////< หวงเฟยหงสุดยอดดดดดดดดดดดดดด

ตอนเด็กๆดูหวงเฟยหง แล้วรู้สึกทึ่งในเปียเฮียแกมากๆ *ฮา* สามารถใช้เปียมาเป็นอาวุธต่อสู้ได้อ่ะ ตบทีคงสลบกันเลยทีเดียว เปียหนาซะขนาดนั้น 555+

สารภาพเลยว่านอกจากหวงเฟยหงแล้วก็ไม่เคยดูเฮียหลี่แสดงเรื่องอะไรอีก แต่เรื่องเดียวก็เกินพอแล้ว หลายภาคเหลือเกิน ~ ~ (เรื่องอื่นๆก็คุ้นชื่อเหมือนกันนะ แต่จำไม่ได้เลยว่าดูไปหรือยัง) รู้สึกว่าหวงเฟยหงจะมีอยู่ 5 ภาคนะ หรือเปล่้า??

(นอกเรื่องนิดนึง ตอนเด็กๆเพื่อนที่โรงเรียนชอบเรียกซินว่าเฟยหงแหละ 55+ เพราะชื่อเล่นชื่อหง แต่เอาจริงๆแ้ล้วชื่อหงน่ะ มันเพี้ยนมาจากชื่อ ฟง ตะหาก ชื่อเล่นซินจริงๆน่ะ ฟงลี่ นะ แต่มันเพี้ยนมาเป็น หงลี่ แล้วล่ะ)



เฮียหลี่เกิดวันที่ 26 เมษายน 2506 ปีนี้ก็ 46 แล้ว ทำไมดูแก่กว่าคนข้างบนฟระ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบเฮียหลี่ก็ฝึกฝนวิชาวูซู (คืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนกับวูดูหรือเปล่า??? โดนถีบ) จนได้เป็นแชมป์ถึง 5 ปีซ้อน หลังจากนั้นก็ผันตัวเองไปเป็นโค้ชกีฬาวูซูแทน (จากการวิเคราะห์แล้ว วิชาวูซูคงเหมือนๆที่เฮียหลี่ใช้แสดงในหนังแหละมั้ง)



8. เจิ้งเส้าชิว (Adam Cheng)



เก่าไปหรือเปล่าเนี่ย =[]= หรือจะเป็นเราที่แก่เอง???

คุณชายชอสุดหล่อเ้จ้าสำอาง คิดถึงสุดๆๆๆๆๆเลยย ใครในยุคนั้นจะหล่อสู้จอมโจรชอลิ้วเฮียง เจิ้งเส้าชิวได้ ~ ~

แล้วก็ตามสเต๊ปของคุณโก้วเล้งเค้าล่ะ พระเอกเราคนนี้ก็ขี้เหล้า เมารักอีกแล้วครับท่าน...แต่ก็นะ คนเขียนก็ขี้เมา พระเอกแต่ละเรื่องของคุณโก้วเล้งแต่ละเรื่อง ถึงได้ขี้เมากันหมด =[]= กินเหล้าทีเป็นไหๆ ตอนจบพระเอกตายเพราะเป็นตับแข็งกันหมดชัวร์!!!

โจรที่ชอบขโมยหัวใจคนดู >/////< สะบัดพัดทีหัวใจกรูกระเด็นติดโทรทัศน์เลย กร๊ากกก เด็กๆสมัยนี้ไม่เข้าใจความหล่อของดารารุ่นก่อนๆหรอก ชิชิ (พูดซะแก่เลย อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกัน ซินยังไม่ขึ้นเลขสองเลยนะเฮ้ย!!!)

นอกจากชอลิ้วเฮียงแล้วหนังโก้วเล้งอีกเรื่องที่เจิ้งเส้าชิวเล่นก็คือเล็กเซียวหงส์ รู้สึกเหมือนจะเคยดูนะ แล้วก็เรื่องอื่นๆที่เจิ้งเส้าชิวเล่นก็ได้ดูอีกนิดหน่อย แต่ก็นะ...เรื่องมันนานมาแล้ววววว



เจิ้งเส้าชิวเกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1947 กรี๊ดดด ปีนี้ก็ 62 แล้วค่ะ O[]O เพิ่งจะรู้อายุนะเนี่ย

เข้าไปดูข้อมูลประวัติอื่นๆได้ที่เวป http://www.adamcheng-fcthai.com นี้เลย เป็นแวปแฟนคลับของเจิ้งเส้าชิวที่คนไทยทำ



9.  ซูโหย่วเผิง (Alec Su)



ไม่เคยรู้สึกว่าพี่ซูหล่อเลย หน้าก็บาน (ยืนยันความบานได้ในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ รวบผมเป็นแมนจูที อย่างกับจานกระดาษใส่เค้กวันเกิด =[]=) กรามก็ใหญ่ แถมเีีตี้ยอีก (โดนพี่ซูโดดกัดหู)...แต่...เค้าชอบอร๊า >////<

พี่ซูเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น ดูเป็นคนดีม๊ากมาก มันให้ความรู้สึกว่า นี่แหละ สไตล์ผู้ชายในฝันแหละ *ฮา*



องค์หญิงกำมะลอทำให้ซินรักเสี่ยวเยี่ยนจื่อ (เจ้าเหว่ย) แล้วก็องค์ชายห้า (ซูโหย่วเผิง) เป็นเรื่องที่ดูกี่ทีๆก็ยิ้มได้ แล้วก็ยังเป็นหนังจีนที่ชอบที่สุดมาจนบัดเดี๋ยวนี้ >////<

นอกจากเรื่องนี้ซูโหย่วเผิงก็แสดงเรื่องเดชเซียวฮื่อยี้ (เรื่องนี้พี่ซูเท่ห์มาก คุณชายสุดๆ) ดาบมังกรหยก ยอดวีรบุรุษขุนศึกตระกูลหยาง แล้วก็องค์หญิงจอมทะเล้นอีกด้วย (จริงๆมีอีกเยอะแยะ แต่ไม่ค่อยได้ดู เพราะชอบพี่ซูแสดงหนังจอมยุทธ์มากกว่า)

  < จากเดชเซียวฮื่อยี้ เป็นบ่อข่วยที่ดูเีรียบร้ัอยโคดอ่ะ (ถ้าเทียบกับพี่เต๊ะ)

ลืมๆ พี่ซูเนี่ยเกิดวันที่ 11 กันยายน 1973 อายุตอนนี้ก็ 36 ขวบแล้วววว (หน้าเด็กเนาะ)



10. กู่เทียนเล่อ (Louis Koo)



ชอบของดำคร๊า 555+ พี่กู่ของเราดำวันดำคืนดีจริงๆ O[]O

พี่กู่นี่สเป๊กเลย ดำๆแบบนี้เดี๊ยนชอบ เมื่อก่อนก็เฉยๆ หนังที่พี่แกเล่นก็ดูได้ แต่ไม่ได้พีคพี่แกอะไรมากมาย มาเห็นอีกทีตอนเล่นวิ่งกระเตงฟัดกับเฮียเฉินนี่ โอ้ว เฮียแกไปทำอะไรมาเนี่ย ไอ้เราก็ไม่ค่อยได้ติดตามข่าว มาเจออีกทีก็ดำซะแระ (ไม่ใช่ว่าดำมาตั้งแต่เข้าวงการแล้วหรอ??)



พี่กู่เป็นพระเอกที่หน้าตาแนวมาก ถ้าลองเอาไปเปรียบกับหลี่หมิง ถ้าหลี่หมิงแสดงเป็นพนักงานบริษัทก็จะออกแนวพนักงานที่ดี แต่งตัวเรียบร้อย แต่ถ้าเป็นพี่กู่ก็จะแบบคีบแตะมาทำงานอะไรแบบนั้นแหละ ~ ~ คือหน้าตาดูเกเรๆ เฮี้ยวๆหน่อย

พี่กู่เนี่ยเกิดวันที่ 21 ตุลาคม 1970 อายุตอนนี้ก็แค่ 39 เ่ท่านั้นเอง ผลงานที่สร้างชื่อเสียงของพี่กู่ก็คงเป็น มังกรหยก ตอน กำเนิดเอี้ยก้วย,ทีมล่าพระกาฬ4 และ เจาะเวลาหาจิ๋นซี





11.  เจิ้งอี้เจี้ยน (Ekin Cheng)



คนที่ได้ชื่อว่าเป็นจตุรเทพคนที่ 5 ของฮ่องกง (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

อาจจะผิดคาดไปซักเล็กน้อย แต่ซินไม่เคยดูฟงอวิ๋นที่พี่เจิ้งแกแสดงหรอกนะ ซินชอบกู๋หว่าไจ๋อ่ะ >////////<

ความประทับใจที่ได้ดูมันแบบ เท่ห์อ่ะ  ผู้ชายคนนี้เท่ห์จริงๆ แล้วก็กู๋หว่าไจ๋เป็นหนังจีนที่ไม่ใช่แนวกำลังภายในเรื่องแรกๆที่ได้ดูเลย (ถ้าไม่นับของเฮียเฉินนะ)



พี่เจิ้งนี่ก็เกิดเดือนตุลาอีกแล้ว วันที่ 4 ตุลาคม 1967 ปีนี้ก๊ะ 42 แล้ว (คนจีนนี่หน้าละอ่อนกันจัง)

ผลงานสร้างชื่อก็นี่แหละ กู๋หว่าไจ๋ ภาค 1-5 แล้วก็ ฟงอวิ๋นขี่พายุทะลุฟ้า (มีอีกนะแต่คนไทยคงคุ้นๆกันแค่นี้)

ใครที่ชอบพี่เจิ้งก็อย่าพลาดฟงอวิ๋น 2 กันนะฮร้า กำหนดฉายปลายปีนี้



12. จินเฉิงอู่ (Takeshi Kaneshiro)



เอามาไว้ล่างสุดไม่ได้หมายความว่าชอบน้อยสุดนะคนนี้อ่ะ >///////////////< ดูสามก๊กแล้วใจกรูจะละลาย หล่อไปหนายยยยยยยพี่ข้งเบ้งขรา

สารภาพตรงๆอย่างจริงใจ เพิ่งจะรู้จักทาเคชิตอนเล่นขงเบ้งอ่ะ T[]T ทั้งๆที่พี่แกก็เป็นถึงหนึ่งในสี่จตุรเทพของไต้หวัน เข้าวงการมาก็ตั้งแต่อายุ 15 แล้วกรูไปอยู่ที่ไหน เจือกไม่รู้จักเนี่ย =[]=



พี่ทาเคชิเนี่ยเค้าเป็นลูกครึ่งไต้หวัน-ญี่ปุ่น แต่เฮียแกพูดได้ตั้ง 5 ภาษา (เป็นภาษาแถบจีนไปแล้วสาม) เป็นทั้งนักแสดงแล้วก็นักร้อง เกิดวันที่ 11 ตุลาคม 1973 (แอบตกใจ 36 แล้วหรอ?) ก็นั่นแหละ เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 มีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองตอนอายุ 19 มีผลงานสร้างชื่อเยอะแยะมากมาย เช่น ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา และ THE RETURNER – เพชฌฆาตทะลุศตวรรษ



หมดแล้ว O[]O แต่นอกจากที่บ่นไปข้างบนแล้ว ก็ยังมีอีกเยอะแยะมากมายที่ชอบ เช่น กัวะฟูเฉิง โจวซิงฉือ เหลียงเฉาเหว่ย หลี่หมิง หวงเย่อหัว โจวเหวินฟะ ฯลฯ

สังเกตมั้ยว่าแต่ละคนนี่อายุเยอะๆกันทั้งนั้นเลย =[]= ขนาดพี่หลินว่าเด็กๆแล้วยังล่อไปตั้ง 35 แน่ะ รวมๆหมดนี่กี่ร้อยปีฟระ!!!

ข้างบนนี่ก็พูดถึงจตุรเทพอะไรก็ไม่รู้มาเยอะแยะ ไหนๆก็อัพเกี่ยวกะเรื่องนี้แล้ว ขอพื้นที่นิดนึงละกันนะ

5 พยัคฆ์ทีวีบี - หลิวเต๋อหัว, เหลียงเฉาเหว่ย, เหมียวเฉียวเหว่ย, ทังเจิ้นเยี่ย, หวงเย่อหัว



4 จตุรเทพฮ่องกง (4 เทพมังกรจตุรัสแดง) - หลีหมิง, จางเซี่ยะโหย่ว, หลิวเต๋อหัว, กัวฟู่เฉิง



4 จตุรเทพไต้หวัน (จตุรเทพน้อยแห่งไต้หวัน) - หลินจื้ออิ่ง, ซูโหย่วเผิง, อู๋ฉีหลง, จินเฉิงอู่



(อู๋ฉีหลงหารูปยากโคด =[]=)

ที่กล่าวมาข้างบนนี่เป็นรุ่นบุกเบิกนะคะ เพราะมันมีหลายรุ่นเหลือเกิน แถมยังมีฝั่งของผู้หญิงเยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมด จำไม่หวาดไม่ไหว  = ="""""

หนังแห่งประวัติศาสตร์ หนึ่งร้อยปีภาพยนตร์ “จีน” (1): 1923 – 1933

ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีน ที่รวมเอาแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง และไต้หวัน อายุครบรอบหนึ่งรอยปีไปเมื่อ ซักสองสามปีที่แล้ว สื่อมวลชนหลายรายได้ ถือโอกาศรวมรวมหนังแห่งประวัติศาสตร์หนึ่งร้อยปีดังกล่าว ทาง MIHK ได้ลองว่าการรวมรวมรายชื่อ และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับหนังแห่งประวัติศาสตร์ ที่ส่วนใหญ่หาดูได้ยาก มาให้อ่านกันครับ

………………………………………………………


Laborer’s Love – Cheng the Fruit Seller (Laogong aiqing, 1923), Zhang Shichuan Shanghai



Laborer’s Love หรือ Cheng The Fruit Seller เล่าเรื่องรักโรแมนติกของ จางหนุ่มขายผลไม้ ที่หวังเด็ดดอกฟ้า เพราะดันไปหลกรักลูกสาวของนายแพทย์ ที่อาศัยอยู่ข้างๆ บ้าน แต่ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ พ่อตาในอนาคตคงจะไม่ยอมให้ความรักของ อาจาง ได้สมหวังแน่ๆ นอกเสียจากว่าเขาสามารถ ช่วยเพิ่มลูกค้าให้ คลีนิค ของนายแพทย์ได้เสียก่อน จางต้องใช้วิธีใหม่ๆ ช่วยเหลือพ่อตา เพื่อความสมหวังในรัก Laborer’s Love หนังรักตลก ชวนหัว เป็นหนึ่งในหนังยุคแรกๆ ของจีนที่ยังคงหลงเหลือฟิล์มอยู่ หนังมีความยาวขนาด 30 นาที นอกจากจะเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์จีนแล้ว ยังประสบความสำเร็จสูงเมื่อแรกออกฉาย

………………………………………………………

Little Toys – Xiao wanyi (1933, Sun Yu), Shanghai



ในช่วงปลายของยุค 1920s สาวชาวบ้านคนหนึ่งต้องพบกับโศกนาตกรรมในชีวิตมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจาก ความเปลี่ยนแปลงในสังคม การพัฒนาสู่ระบบเศรษฐกิจของจีน แบบทุนนิยม และภัยสงครามใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน

อาเย่อ แม่ของลูกสองคน หาเลี้ยงปากท้องของทั้งเธอ และลูกทั้งสอง ด้วยกิจการทำของเล่นเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้สามีนำไปขายในเมือง ในช่วงสงครามกลางเมืองสามีของ อาเย่อ ต้องเสียชีวิตไป ส่วนลูกชายของเธอ หยูเอ๋อ หายไปในระหว่างความวุ่นวาย หมู่บ้านเล็กๆ ที่อาศัยต้องพินาถย่อยยับ อาเย่อ และลูกสาว ซูเอ๋อ ต้องอพยพไปยัง เซียงไฮ้ เพื่อหาโอกาศในกิจการของเธอที่นั้น

แต่การไหล่บ่าของวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่เปิดโอกาศให้กับอาเย่อ สังคมกำลังเห่อเหิญกับของเล่นจากต่างชาติ ที่ทั้งทันสมัย และน่าตื่นตาตื่นใจ ในช่วงสงคราม อาเย่อ และบรรดาลูกจ้างของเธอได้มีโอกาศ ช่วยกองทัพในการต่อสู้กับการรุกรานของญี่ปุ่น แต่ ซูเอ๋อ ต้องเสียชีวิตไป ทิ้งให้แม่ต้องอยู่ตามลำพัง

อาเย่อหาเลี้ยงชีพ แร่ขายของเล่นไปตามถนน วันหนึ่งเธอก็ได้พบกับลูกชายที่สูญหายไปนาน ซึ่งตอนนี้ หยู่เอ๋อ อาศัยอยู่กับนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ซึ่งซื้อเขามาจากพวกลักพา และขายเด็ก แต่ความยาวนานของเวลา ทำให้ แม่ และลูกชาย ไม่สามารถจดจำกันและกันได้

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่ออาเย่อ ได้เห็นคนจุดประทัดเล่น เสืยงที่ดังอึกทึก และภาพการระเบิด ทำให้ภาพระเบิดในสงครามกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง สิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งทำได้ก็คือ ตะโกน และเรียกร้อง ให้ชาวจีน ตื่น และลุก ขึ้นสู้ ขับไล่ต่างชาติ

Little Toy เป็นหนึ่งในหนังที่นำเสนอเรื่องราวเชิดชูชาตินิยม และวิภาคการบุกรุกของวัฒนธรรมต่างชาติ ที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ และสังคมของจีนในช่วงแห่งการล่าอนานิคม ขณะเดียวกันก็วิจารณ์ ถึงชาวจีนเอง ที่อยู่นิ่งเฉยต่อการรุกรานดังกล่าว

………………………………………………………

Spring Silkworms – Chuncan (1933, Cheng Bugao Shanghai)



ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดังของ เหมาตัน Spring Silkworms เล่าเรื่องของครอบครัวยากจน ที่ประกอบอาชีพในการเลี้ยงใหม พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ การแข่งขันกับอุตสหกรรมของต่างประเทศในยุค 1930

ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดเซอเจียง ตงเป่า และครอบครัวพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ กิจกรรมเลี้ยงใหมของตนไปรอด ในการเลี้ยงดูตัวไหม พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติ และความเชื่องมงาย ในโชคชตาฟ้ากำหนด ของตนเอง

เมื่อลูกชายตัวน้อยคนเล็ก ต้องจะเล่นสนุกกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่า เหอฮัว ที่ทุกคนเชื่อว่าจะนำ ความโชคร้ายมาสู่บ้าน แต่ลูกชายก็ไม่ฟังคำทัดทาน สุดท้ายเรื่องร้ายๆ ก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อ เหอฮัว ต้องกาแก้แค้น ตงเป่า ที่ปฏิบัติตัวไม่เป็นมิตรต่อเธอ เด็กสาวคว้าใหมมาเต็มสองมือ และขว้างทิ้งลงไปใน แม่น้ำอย่างไม่แยแส

เพื่อต่อสู้กับภาวะฝืดเคือง ครอบครัวของตงเป่า ต้องพยายามทำทุกทางเพื่อ ขายเส้นใหม ให้ได้มาก และราคาที่ดี ทั้งการพยายามเพื่อคุณภาพของเส้นใหม ส่วนตงเป่าเองก็ต้องเดินทาง ไปยังเมืองใกล้ๆ เพื่อขายสินค้า แต่ไม่ว่าไปที่ไหน สิ่งที่ต้องพบก็คือ ประตูที่ปิดตายเอาไว้ สืบเนื่องจากสงครามกลางที่เกิดขึ้น บรรดาร้านขายผ้า ไม่สามารถอยู่ใด้ สุดท้ายใหมที่มีค่าของขายได้ในราคาถูกแสนถูก น้ำพักน้ำแรก และหลาดเงื่อของตงเป่า และครอบครัว กลับแลกมาได้ด้วยเงินเพียงหยิบมือ

Spring Silkworms เป็นหนังเรื่องแรกๆ ของจีนที่แฝงแนวคิด ฝ่ายซ้ายลงไปในเนื้อเรื่อง หนังถูกถ่ายทำด้วยความสมจริงสมจัง ในลักษณะของสารคดี นอกจากนั้นยังวิจารณ์ความงมงายในโชคลาง และขาดซึ่งความ ความสามัคคี ของชนชั้นชาวนา นอกจากนั้นยังเล่าเรื่องชีวิตของชนชั้นล่าง ในช่วงเวลาของความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และระบบเศรษกิจ

หลิว อี้เฟย นางเอกซุปเปอร์สตาร์ชาวจีนคนสวย!!! อิอิอิ

หลิวอี้เฟย นางเอกซูเปอร์ สตาร์จีน ชื่อเดิมว่า อันเฟิง เกิดวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2530 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย เป็นบุตรสาวคนเดียวของ นายอัน เฉ่าคัง เลขานุการเอกสถานทูตจีนประจำประเทศฝรั่งเศส และอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนภาษาฝรั่งเศส กับ นางหลิว เสี่ยวลี่ นักเต้นและนักแสดงละครเวที



ฉายแววเป็นดาราตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เมื่อรับรางวัลชนะเลิศการประกวดนางแบบรุ่นเยาว์

ต่อมาพ่อแม่แยกทางกันเมื่อสาวน้อยอายุได้ 10 ขวบ แม่เป็นฝ่ายเลี้ยงลูกสาวคนนี้ตามลำพัง ต่อมาสาวน้อยจึงเปลี่ยนนามสกุลจากแซ่อันมาใช้แซ่หลิวตามแม่ และตั้งชื่อใหม่ว่า หลิว สีเหม่ยจื้อ มีชื่อเล่นว่า ซีซี เนื่องจากคุณแม่ชอบดูภาพยนตร์เรื่อง Sissi ซึ่งชื่อเรื่องภาษาจีนเรียกว่า ซีซีกงจู้

พร้อมกันนี้ สาวหลิวยังหันเหชีวิตไปทำงานบันเทิงตามแม่อย่างจริงจังตั้งแต่เริ่มรับงานถ่ายแบบ ฝึกฝนร้องเพลงและเล่นเปียโน จากนั้นสาวหลิวมีพ่อบุญธรรมชื่อ เฉิน จิ้นเฟย เป็นประธานบริษัทการลงทุนเป่ยจิง ถงชาน กรุ๊ป

พออายุได้ 11 ขวบ หลิวตามแม่ไปอยู่นครนิวยอร์กในสหรัฐ ได้สัญชาติอเมริกันและเรียนหนังสือที่นั่นนาน 4 ปี จนปี 2545 กลับมาประเทศจีนเพื่อรับงานแสดง พร้อมกับชื่อใหม่ว่า หลิวอี้เฟย ขณะเดียวกันสถาบันวิทยาการภาพยนตร์ปักกิ่ง Beijing Film Academy (BFA) รับสาวน้อยเข้าเรียนในขณะที่อายุเพียง 15 ปี กระทั่งเรียนจบในปี 2549 ด้วยความสามารถเต้นรำ บัลเลต์ และเปียโน

หลิวอี้เฟยได้รับบทในละครโทรทัศน์จีนและไต้หวันหลายเรื่องตั้งแต่ช่วงเรียนการแสดง เริ่มจาก The Story of a Noble Family ตามด้วย แปดเทพอสูรมังกรฟ้า เซียนกระบี่พิชิตมาร

ก่อนจะโด่งดังไปทั่วภูมิภาคด้วยบทเซียวเหล่งนึ่ง ในมังกรหยก ภาค 2 ตอนตำนานศึกเทพอินทรี ในปี 2549 ซึ่งกิมย้ง (หลุยส์ ชา) นักเขียนเจ้าของเรื่องเอ่ยชมว่าหลิวอี้เฟยมีรูปลักษณ์ที่ครบถ้วนกับบทบาทนี้

ด้านผลงานภาพยนตร์ล้วนแสดงกับนักแสดงดังๆ ทั้งหมด ได้แก่ เรื่อง I Love How You Love Me กับหลินจื้ออิง ตามด้วย Love of May ประกบพระเอกไต้หวัน เฉินป๋อหลิน จากนั้นชื่อเสียงโด่งดังยิ่งขึ้นเมื่อร่วมแสดงหนังฮอลลีวู้ดของเจ็ตลีและเฉินหลงใน The Forbidden Kingdom ปี 2551 ต่อด้วย Love in Disguise แสดงกับหวังลี่หง ปี 2553

ด้วยความที่หลิวอี้เฟยเหมาะกับการแต่งชุดโบราณ ผลงานหลังๆ จึงมาแนวพีเรียดเกือบทั้งหมด ไม่ว่า A Chinese Fairy Tale หรือโปเยโปโลเย ปี 2554 ประกบ กู่เทียนเล่อ พระเอกคนดังของฮ่องกง, White Vengeance นำโดย หลีหมิง ปี 2554, The Four หรือ 4 มหากาฬพญายม ยุคราชวงศ์ ซ่งเหนือ ปี 2555 และ The Assassins ยุคสิ้นราชวงศ์ฮั่น นำโดย โจวเหวินฟะ



ปัจจุบันหลิวอี้เฟยเซ็นสัญญากับบริษัท William Moris Agency เอเยนต์ของฮอลลีวู้ด และยังออกอัลบั้มเพลงกับค่าย Sony BMG ของญี่ปุ่น ซิงเกิ้ลแรกมีชื่อว่า อี้เฟย โดยออกอัลบั้มทั้งในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน

มีดาราในดวงใจสองคนคือ ออเดรย์ เฮพเบิร์น และ วิเวียน ลีห์ เข้าใจว่าได้อิทธิพลมาจากแม่ เพราะนักแสดงทั้งสองเป็นนางเอกรุ่นคลาสสิคที่เกิดต่างยุคกับหลิวอี้เฟยมาก

เพิ่งให้สัมภาษณ์นิตยสารฟิกาโร่ เมื่อเดือนมิ.ย.2556 ที่บ้านเลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมวที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ว่าจริงๆ แล้วแม่เป็นคนดูแล ตนเองแค่เล่นกับมันเฉยๆ

"เคยเห็นข้อความในเว็บเว่ยป๋อบอกว่า ถ้าอยากได้ความรักให้เลี้ยงสุนัข ถ้าอยากรู้ว่าคนรักเป็นยังไงให้เลี้ยงแมว คิดๆ ดูก็มีเหตุผลนะ แมวเป็นสัตว์ที่เป็นตัวของตัวเองสูงมาก บางทีฉันก็คิดว่าตัวเองเป็นแมว"

เมื่อถามถึงเรื่องความรัก นางเอกสาวกล่าวว่า ไม่อยากมีความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟ แต่มองหาความรักที่คนสองคนได้อยู่ด้วยกัน เติบโตไปด้วยกัน แบ่งปันมีความสุขกันได้โดยไม่ต้องพยายามสร้าง ทั้งช่วยกันปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นและเยียวยาบาดแผลให้แก่กัน

ประวัติศาสตร์หนังจีน

หนังจีนกับคนจีน มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน คำว่า หนังจีนในที่นี้ไม่ใช่หมายรวมแค่หนังของจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น หากแต่รวมถึง
หนังไต้หวันและหนังฮ่องกงเข้าไปด้วย เมื่อสักสามสิบสี่สิบปีก่อนหนังของบรู๊ซ ลี คือหัวหอกที่ทำให้คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยได้รู้จักหนังจีน ตามด้วย
หนังกำลังภายใน ของ ชอว์บราเดอร์ มี การนำหนังไต้หวันที่มักมีดาราแม่เหล็กเช่น ฉินฮั่นและหลินชิงเสียเข้า มาฉาย โดยหนังจีน ที่เป็นที่นิยมกัน
จริง ๆ กลับเป็นหนังของฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นหนังตระกูลเฉินหลง, ผีกัด, หนังแนว “เจ้าพ่อ” หนัง แนวดวลไพ่ตระกูล “คม”


จากเรื่อง ศึกหวังหยู่สู้เฉินหลง


จากเรื่อง ผีกัดอย่ากัดตอบ


จากเรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้


     ยุคเริ่มศักราชหนังจีนกำลังภายในเริ่มตัน จากสถานีโทรทัศน์ ATV ในฮ่องกง ได้นำบทประพันธ์ของ "อีงเอ็ง" เรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน มาสร้าง
ขึ้นในปี 2521 มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Reincarnated"มีดาราชั้นนำ ในยุคนั้นนำแสดงหลายคน อาทิเช่น ฉีเส้าเฉียน (ฮุ้นปวยเอี้ยง), เหมียวเข่อซิ่ว
(ต๊กโกวหงส์), หม่าเหมียนเอ๋อ (ลุ้นอ้วงยี้) และหวีอันอัน (โป่วเฮียงกุน) เป็นหนังจีนที่ปลุกกระแสความนิยมหนังจีนกำลังภายในในยุค 80 อย่างมาก
โดยสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. ก็ไม่พลาดที่จะนำเรื่องนี้มาออกอากาศเพื่อเรียกกระแสคอหนังจีนกำลังภายในในบ้านเรา จากเรื่อง กระบี่
ไร้เทียมทาน ทำให้ช่อง 3 ได้กระแสนิยมหนังจีนกำลังภายในอย่างมาก หลังจากจบกระบี่ไร้เทียมทานแล้ว ช่อง 3 จึงได้นำเรื่อง ยอดยุทธจักรมังกรฟ้า
อันเป็นเรื่องต่อเนื่องซึ่งมีตัวละครเกี่ยวเนื่องกันเท่านั้น


ภาพจาก เรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน
ฟังเพลงประกอบ กระบี่ไร้เทียมทาน



     ยุคต่อมาเป็นยุคของ หลิวเต๋อหัว ซึ่งประสบความสำเร็จอย่าง มากจากเรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ โด่งดัง ไม่แพ้ปรากฏการณ์ แฮร์รี่ พอตเตอร์
ในสมัยนี้เลยทีเดียว แต่กระนั้นเราก็ได้รู้จักหนังจีนในอีก แง่หนึ่งซึ่งผสมผสานเรื่องราวของมิตรภาพความรักความแค้น จากมือถือดาบเปลี่ยนเป็น
อาวุธปืน ใช้เทคนิคการตัดต่อที่ฉับไว และ ใช้ภาพสโลโมชั่นในฉากต่อสู้ยิงปืน ที่งดงามราวจังหวะเต้นรำ เหล่า นั้นมีอยู่อย่างครบถ้วนในหนังของ
จอห์น วู ที่ทำให้โจวเหวินฟะกลาย เป็นซูเปอร์สตาร์ตั้งแต่เรื่อง โหด เลว ดี และตั้งแต่นั้นมาหนังบู๊ แนวยิงกันก็เข้าฉายในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง
พร้อม ๆ กับหนังตลกของ โจวซิงฉือ ที่เข้าฉายในเมืองไทย อย่างน้อยสองเรื่องต่อปี


จากเรื่อง ผุ้หญิงข้าใครอย่าแตะ


จากเรื่อง โหด เลว ดี 2


จากเรื่อง พยัคฆ์ไม่ร้าย 007


     กระแสหนังจีนย้อนยุค กลับมาทวงตำแหน่งอีกครั้งในปี 2538 ทางช่อง 3 ได้นำ ภาพยนตร์จีนชุดเปาบุ้นจิ้น โดยการสร้างของไต้หวัน สถานี
โทรทัศน์หัวซื่อ มี 41 ชื่อตอน ประกอบไปด้วย 236 ตอนทีวี เป็นละครฉบับตำนานแห่งยุค โด่งดังยิ่งกว่าพลุด้วยเนื้อเรื่องที่กินใจผู้ชม ทั้งสองสถานี
โทรทัศน์ในฮ่องกง ทั้งทีวีบีและเอทีวีได้ซื้อเรื่องนี้มาฉายพร้อมกัน ถึงกระนั้นเรตติ้งก็ยังดีมากๆ ทุกอย่างในละครเรื่องนี้ในเปิดศักราชใหม่แห่งวงการ
ละครจีนให้หันมามองไต้หวัน นอกจากเพลงเปิดเรื่องที่กลายเป็นเพลงยอดนิยมแห่งยุค ไปแล้ว เพลงปิดเรื่องกลับเป็นที่นิยมยิ่งกว่าเพลงนั้นคือ เพลง
"ซินเยวียนยางหูเตี๋ยเมิ่ง" (ความฝันผีเสื้อ คู่ทุกข์คู่ยาก) ขับร้องโดย หวงอัน นักร้องเสียงนุ่มอันดับต้นแห่งไต้หวัน


จากเรื่อง เปาชิงเทียน (เปาบุ้นจิ้น)


จากเรื่อง เปาบุ้นจิ้น ขุนศึกตระกูลหยาง


จากเรื่อง เจาะเวลาหาจิ๋นซี


     และกระแสหนังจีน ก็กลับมาอีกครั้งใน ปี 2544 โดย สถานีโทรทัศน์ทีวีบี เขตปกครองพิเศษ เกาะฮ่องกง ได้นำ กู่เทียนเล่อ กลับมาแสดงหนังจีน
ชุดอีกครั้งนึง ในแนวหนังจีนโบราณย้อนยุค อิงประวัติศาสตร์ ในสมัยราชวงศ์ฉิน ได้นำโครงเรื่องจากนวนิยายเรื่อง เจาะเวลาหาจิ๋นซี ของประพันธ์
ชื่อดัง หวงอี้ โดย กู่เทียนเล่อ รับบทเป็น ตำรวจหนุ่ม ในศตวรรษที่21 ชื่อ เซี่ยงเส้าหลง ผู้ผิดหวังในความรักจึงหวังใช้ย้อนเวลา (ไทม์แมชชีน)ไปแก้
ไขอดีตแต่การทดลองผิดพลาด เขาจึงทะลุเวลาไปถึงยุคก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้ และต้องใช้ ความสามารถช่วยอิงเจิ้งให้ได้ขึ้นครองราชย์ ในเรื่อง เจาะเวลา
หาจิ๋นซี มีนักแสดงมากฝีมือมากมาย เช่น เจียงหัว หลินฟง ซุนซวน กั๊วะเซี่ยหนี เถิงลี่หมิง กระแสหนังจีนแนว กำลังภายใน อิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้
ดังมากที่สุดใน ฮ่้องกงอีกหนึ่งเรื่อง และได้มีการซื้อลิขสิทธิ์มาแพร่ภาพ ที่ประเทศ จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ รวมถึงประเทศไทยด้วยโดยช่อง 3 ในนำเรื่อง
เจาะเวลาหาจิ๋นซี เพื่อใช้ในการปูทางกับช่วงเวลา "หนังดังแดนมังกร" จากกระแสเรื่องนี้ทำให้ กู่เทียนเล่อต้องมาโชว์ตัวที่ประเทศไทย เพื่อตอบรับ
กระแสความนิยม และในปีนั้น กู่เทียนเล่อ ก็ได้รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก งานประกาศรางวัลโทรทัศน์ฮ่องกง และจากนั้นทำให้หนังจีนกำลัง
ภายใน เริ่มกลับมาตื่นตัวกันอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

หลี่ เหลียน เจี๋ย พระเอกหนังจีนชื่อดัง!

หลี่เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยเป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมด 5 คน เนื่องจากตัวของหลี่ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ เขาจึงถูกเลี้ยงดูโดยแม่มาตลอด
เมื่อหลี่อายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้รับการฝึกฝนวิชาวูซู ในช่วงเวลาปิดเทอมหน้าร้อน จากนั้นหลี่ก็อุทิศชีวิตตลอดทั้งชีวิตให้กับกีฬาวูซู จนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น หลี่ก็เป็นตัวแทนนักกีฬาวูซูของจีนไปแข่งขันต่างๆมากมาย จนได้เป็นแชมป์ถึง 5 ปีซ้อน และหลี่กับทีมของเขาเคยไปแสดงความสามารถทางวูซูต่อหน้าประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ในปี 1974 จากนั้นหลี่ก็ผันตัวเองไปเป็นโค้ชทีมกีฬาวูซูแทนการเป็นนักกีฬา
ในต้นปี 2010 หลี่เปิดเผยว่า จะรับงานแสดงน้อยลง เพื่อที่จะไปทุ่มเทให้กับการทำมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ชื่อ The One Foundation หลังจากที่เจ้าตัวรอดตายมาจากเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศไทยเมื่อปลายปี 2004 โดยบอกว่าตนพบว่าศิลปะการต่อสู้มิได้ช่วยอะไรให้รอดชีวิตได้เลยเมื่อต้องต่อสู้กับธรรมชาติ และการแสดงต่อไปนี้เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น

ก้าวแรกของการเป็นดารา

หลังจากหลี่เป็นโค้ชทีมชาติมานานหลายปี เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี เขาก็ถูกแมวมองดึงให้มาเป็นพระเอกหนังเรื่อง Shaolin Temple (1982) โดยหนังเรื่องนี้เป็นงานแจ้งเกิดให้เขาอย่างเต็มตัว แต่ภาคต่อของหนังชุดนี้คือ Shaolin Temple 2 : Kids from Shaolin (1984) และ Martial Arts of Shaolin (1986) กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย จากนั้นหลี่ก็กำกับหนังของตนเองเป็นครั้งแรกกับเรื่อง Born to Defence (1988) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอีก พ.ศ. 2553 นิตยสาร TIME จัดให้ Jetli เป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก ประจำปี 2010


ภาพยนตร์ฮ่องกง

เมื่อหลี่ย้ายเข้ามาอยู่ในฮ่องกง เขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงอย่าง ฉีเคอะ (Tsui Hark) โดยผลงานเรื่องแรกที่ทั้งสองได้ร่วมงานกัน คือ Once Upon a Time in China (1991) โดยหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในเอเชียและต่างประเทศ ส่งผลให้ชื่อของหลี่ เหลียนเจี๋ยเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมงานกันมาเรื่อย เช่น Swordsman II (1992) The Master (1992) Once Upon a Time in China II (1992) Once Upon a Time in China III (1993) Black Mask (1996) และ Once Upon a Time in China and America (1997) เป็นเรื่องสุดท้าย
หลี่ได้ชื่อว่าร่วมงานกับผู้กำกับคิวบู๊ชื่อดังหลายคน เช่น
หยวนหวูปิง (Yuen Woo-Ping) : Once Upon a Time in China II (1992) The Tai-Chi Master (1993) Last Hero in China (1993) และงานรีเมคของ บรู๊ซ ลี Fist of Legend (1994)
เฉิงเสี่ยวตง (Tony Ching) : Swordsman II (1992) และ Dr. Wai in the “The Scripture with no Words” (1996)
หยวนขุย (Corey Yuen) : Fong Sai-Yuk (1993) , Fong Sai-Yuk II (1993) , The New Legend of Shaolin (1994) , The Bodyguard from Beijing (1994) , My Father is a Hero (1995) และ High Risk (1995)
หงจินเป่า (Sammo Hung) : Kung-Fu Cult Master (1993) และ Once Upon a Time in China and America (1997)


ฮอลลีวู้ด



Lethal Weapon 4 (1998)
หลี่มีผลงานในฮอลลีวู้ดครั้งแรกคือ Lethal Weapon 4 (1998) หนังแอ็คชั่นตำรวจภาคต่อ โดยร่วมแสดงกับเมล กิ๊บสัน, แดนนี่ โกลเวอร์, โจ เปสซี่, เรเน่ รุสโซ่ และ คริส ร็อก โดยตัวของหลี่รับบทเป็นตัวร้าย นับว่าเป็นการพลิกบทบาทจากพระเอกหนังกังฟู มาเป็นผู้ร้าย หลังจากเรื่องนี้ออกฉาย ทำให้ชื่อ เจ็ต ลี (Jet Li) ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษของหลี่ กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
หลังจากนั้นปี 2000 หลี่รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง Romeo Must Die (2000) นับว่าเป็นหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกของหลี่ด้วย หลังจากออกฉาย ก็สามารถทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิสสหรัฐอเมริกา นานหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
ปี 2001 หลี่มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ Kiss of the Dragon (2001) โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่างเขากับลุค เบซอง ร่วมแสดงกับ บริดเจต ฟอนดา และ เชกี คาร์โย ซึ่งหลี่ยังรับหน้าที่อำนวยการสร้างและคิดโครงเรื่องนี้ด้วย และหนังแอ็คชั่น - ไซไฟ เรื่อง The One (2001) อีกทั้งหลี่ยังร่วมกับบริษัทหนังอย่าง Icon Production สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ (Pilot) แนวกำลังภายในเรื่อง Invincible (2001) ความยาว 90 นาที ออกฉายเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อทำภารกิจยับยั้งกลุ่มคนที่หวังจะทำลายโลก
ปี 2003 หลี่รับบทนำร่วมกับนักร้องแร็พเปอร์ ดีเอ็มเอ๊กซ์ ใน Cradle 2 the Grave (2003) โดยหลี่กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับผู้อำนวยการสร้าง โจเอล ซิลเวอร์ และผู้กำกับ แอนเดรจ บาร์ตโกเวียก จาก Romeo Must Die โดยหลี่รับบทเป็นนักสืบชาวไต้หวัน ที่ต้องร่วมมือกับนักโจรกรรมเพชร เพื่อตามหาอัญมณีสีดำ โดยในเรื่องนี้หลี่ต้องรับมือกับนักแสดงคิกบ๊อกซิ่งอย่าง มาร์ค ดาคาสคอส เป็นครั้งแรก และสามารถทำเงินขึ้นอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิสในสัปดาห์แรกของการฉาย
ปี 2005 หลี่ได้ร่วมงานกับ ลุค เบซอง อีกครั้งใน Danny the Dog (หรืออีกชื่อ Unleashed) (2005) และหลี่ยังร่วมแสดงกับ มอร์แกน ฟรีแมน, บ็อบ ฮอสกินส์ และ เคอร์รี่ คอนด็อน ซึ่งได้รับการตอบรับกลุ่มแฟนหนังในอเมริกาเป็นอย่างดี ด้วยรายได้เปิดตัวที่ดีพอสมควร
ปี 2007 เจ็ทลีกลับมาร่วมงานกับ เจสัน สเตแธม อีกครั้งใน War (หรืออีกชื่อ Rogue Assassin) (2007) ภาพยนตร์แอ็คชั่น - ระทึกขวัญ ซึ่งก็ยังได้รับผลตอบรับดีพอสมควรในอเมริกา
ปี 2008 หลี่มีผลงานถึง 2 เรื่อง แต่ผลงานที่น่าสนใจตั้งแต่วางแผนการสร้าง คือ The Forbidden Kingdom ด้วยทุนสร้าง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่หลี่ร่วมแสดงกับนักแสดงกังฟูชื่อดังอย่าง เฉินหลง เป็นครั้งแรก หลังจากวางแผนจะร่วมงานกันมานานกว่าหลายปี และพึ่งได้มาเจอกันในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาอิงจากนิยายเรื่อง ไซอิ๋ว มาบางส่วนและเป็นผลงานกำกับของ ร็อบ มินคอฟ (The Lion King, Stuart Little และ The Haunted Mansion) โดยได้ทีมงานอย่าง ปีเตอร์ เปา (ผู้กำกับภาพ) , หยวนวูปิง (ผู้ออกแบบฉากการต่อสู้) และนักแสดงอย่าง หลิวอี้เฟย, หลี่ บิง บิง, คอลลิน โชว และ ไมเคิล แองการาโน และอีกเรื่องคือภาคต่อของหนังชุด The Mummy ในตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008) โดยร่วมแสดงกับนักแสดงชาวฮ่องกง เช่น หยาง จื่อฉยง และ หวง ชิวเซิน พร้อมกับนักแสดงหลักอย่าง เบรนแดน เฟรเซอร์, มาเรีย เบลโล และ จอห์น ฮันนาห์
และอีก 2 ปีถัดมา หลี่ก็ร่วมแสดงนำในหนังแอ็คชั่นรวมดาราเรื่อง The Expendables (2010) โดยประกบคู่กับนักแสดงอย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, เจสัน สเตธัม, ดอล์ฟ ลุนด์เกรน, มิกกีย์ รูร์ก, สตีฟ 'สโตน โคล' ออสติน, แรนดี้ เคาท์เชอร์, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์


ภาพยนตร์กำลังภายใน

หลี่กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งในเรื่อง Hero (2002) หนังจีนทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยรัฐบาลของจีน กำกับโดยจางอี้โหมว นำแสดงโดยดาราชื่อดังหลายคน อย่าง เหลียง เฉาเหว่ย, จาง ม่านอวี้, เฉิน เตาหมิง, จาง จื่ออี๋ และ เจิน จื่อตัน โดยเฉพาะเจิน จื่อตัน ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับหลี่อีกครั้ง หลังจากเคยประมือกันมาแล้วใน Once Upon a Time in China II (1992) Hero ทำรายได้ทั่วโลกถึง 177.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากนั้นหลี่ก็กลับมาแสดงหนังกำลังภายในเรื่องเยี่ยมอย่าง Fearless (2006) โดยเรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและอำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู (Ronny Yu) ทุนสร้าง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวของฮั่วหยวนเจี๋ย ปรมจารย์กังฟูผู้ต่อสู้กับจิตใจของตน ตั้งแต่เกิดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต โดยคำโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมตหนังเรื่องนี้บอกว่า เป็นหนังกำลังภายในเรื่องสุดท้ายของเขา ทำให้คนทั่วโลกสนใจหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยสามารถขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินทั่วเอเชีย และยังสามารถทำรายได้ไปพอสมควรในสหรัฐอเมริกา และมีดาราภาพยนตร์ชาวไทยที่มีโอกาสร่วมแสดงกับหลี่ คือ สมรักษ์ คำสิงห์ (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก) ในภาพยนตร์ชุดดังกล่าว
ปี 2007 หลี่ได้มีส่วนร่วมในหนังมหากาพย์สงครามย้อนยุคเรื่อง The Warlords (2007) งานรีเมคเรื่อง Blood Brothers (1973) ของ จางเชอะ ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน และร่วมแสดงกับ หลิว เต๋อหัว และ ทาเคชิ คาเนชิโร ทุนสร้าง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังกำลังภายในอย่างที่เข้าใจกัน และเป็นอีกครั้งที่หลี่ต้องรับบทเป็นตัวร้ายในตอนท้ายเรื่องของหนัง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วเอเชีย เพราะสามารถเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งทั้งในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยตัวหลี่เองได้รับค่าตัวสูงสุดในบรรดาหนังภาษาจีน ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านหยวน หรือ 13.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดก็พึ่งคว้ารางวัลม้าทองคำ (ตุ๊กตาทองฮ่องกง) ครั้งที่ 27 โดยคว้ามาได้ 8 รางวัล รวมถึงรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
หลี่ร่วมแสดงในหนังรวมดาราจีนเรื่อง The Founding of a Republic (2009) และรับบทนำในหนังดราม่าเรื่อง Ocean Heaven (2010) ทุนสร้าง 7 ล้านหยวน โดยรับบทเป็นพนักงานในสวนน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีลูกชายป่วยเป็นโรคออทิสติก ซึ่งถือเป็นงานแสดงดราม่าเต็มตัวครั้งแรก โดยที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นในหนังสักฉากเดียว



เกม

Rise to Honor VG (2004)
บุคลิกของหลี่ได้ถูกนำไปเป็นตัวละครในเกมมาแล้ว โดยเกมนี้มีชื่อว่า Rise to Honor ผลิตโดย Sony Computer Entertainment America โดยเรื่องราวในเกมอ้างอิงเนื้อเรื่องในหนังแอ๊คชั่นของหลี่ และหลี่ยังเป็นผู้ให้เสียงกับตัวละครของเขาในเกม และได้หยวน ขุย (Corey Yuen) ผู้กำกับคิวบู๊คู่หูมาทำหน้าที่ออกแบบท่าทางต่อสู้ในเกมอีกด้วย วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2004 และในแถบยุโรปเดือนเมษายน 2004 จำหน่ายในรูปแบบเพลย์สเตชัน 2 เท่านั้น